แชร์บทความนี้ให้เพื่อนของคุณได้อ่าน
รีเทนเนอร์มีตั้งหลายแบบ ทั้งแบบใส แบบลวด แบบเหล็ก แล้วจะเลือกแบบไหนดีน้า
สำหรับคนที่จัดฟันใกล้จะเสร็จแล้ว ก็ใกล้จะถึงเวลาที่จะได้ถอดเหล็กจัดฟันกันแล้ว ทีนี้จะกินอะไรก็สะดวก แปรงฟันก็ง่าย ไม่มีเหล็กคอยเกี่ยวแก้มเกี่ยวปาก แต่อย่าลืม...... เวลาแห่งรีเทนเนอร์พึ่งจะเริ่มขึ้น และมันจะอยู่กับเราไปอีกนานนนน.... รีเทนเนอร์คืออะไรสำคัญยังไง ทำไมต้องใส่ อ่านรายละเอียดได้ใน รีเทนเนอร์สำคัญอย่างไร
ดังนั้นก็คงจะเป็นเรื่องดีที่เราจะรู้เอาไว้ก่อนว่าจะเลือกรีเทนเนอร์แบบไหนดี บทความนี้เหมาะกับทั้งคนที่กำลังจะถอดเหล็กจัดฟัน (จัดแบบใสก็เหมือนกันนะครับ ต้องใส่รีเทนเนอร์เหมือนกัน) หรือคนที่ถอดเหล็กมานานแล้วใกล้จะถึงเวลาเปลี่ยนรีเทนเนอร์ชิ้นใหม่แล้ว (บางคนที่หมอไม่ให้เลือกรูปแบบรีเทนเนอร์ อาจจะแปลว่าการสบฟันของเราอาจจะมีลักษณะบางประการที่ทำให้หมอต้องเจาะจงเลือกให้นะครับ ดังนั้นแล้วแต่เคสเลยนะครับว่าคุณหมอจะให้เลือกมั้ย แต่ส่วนมากก็สามารถเลือกได้)
รีเทนเนอร์ที่ใช้กันทั่วไปจะมี 2 แบบ คือ รีเทนเนอร์แบบลวด และรีเทนเนอร์แบบใส และยังมีแบบที่ใช้บ้างเป็นบางกรณี คือ รีเทนเนอร์แบบติดแน่น และรีเทนเนอร์แบบเหล็ก (ที่เค้าว่ากันว่าใส่กินข้าวได้)
ดังนั้นจะขอสรุปคร่าวๆไว้ตรงนี้ก่อนว่ารีเทนเนอร์มีทั้งหมด 4 แบบ ดังนี้
รีเทนเนอร์แบบลวด
รีเทนเนอร์แบบใส
รีเทนเนอร์แบบติดแน่น
-
รีเทนเนอร์แบบเหล็ก (เคี้ยวอาหารได้)
-
รีเทนเนอร์แบบลวด
รีเทนเนอร์แบบลวด
รีเทนเนอร์แบบนี้เป็นแบบที่ใช้กันแพร่หลายที่สุด มีลักษณะคือ มีโครงเป็นอะคริลิคสีหรือมีลวดลายบริเวณเพดานปาก (บางคนเรียกว่าส่วนของเหงือก) และมีส่วนที่ยึดฟันเป็นลวดที่ล้อมฟันเอาไว้ อาจจะมีอะคริลิคล้อมทับลวดอีกครั้ง ซึ่งอาจจะเป็นสีใสหรือเป็นสีต่างๆก็ได้แล้วแต่จะเลือก บางคนเรียกว่าท่อสี **(หมอเองไม่แน่ใจเหมือนกันว่าใครเรียกแบบนี้ มีคนไข้ถามเข้ามาบ่อยๆ เข้าใจว่าเป็นรีเทนเนอร์ที่ทำโดยคนที่ไม่ใช่หมอฟัน ใส่เป็นท่อยางสีๆเอาไว้สวยๆ ให้เปลี่ยนได้ทุกเดือน ประมาณว่าเป็นรีเทนเนอร์แฟชั่นทำนองนั้น แต่รีเทนเนอร์ที่ทำอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ ส่วนที่เป็นสีคลุมลวดเอาไว้จะต้องเป็นอะคริลิค และเปลี่ยนสีไม่ได้ เนื่องจากถ้าใส่เป็นท่อยางสี ยางจะเสื่อมสภาพได้ง่ายกว่าอะคริลิคมาก และจะมีเชื้อโรคสะสมได้ง่าย)
ข้อดี ทำความสะอาดง่าย อายุการใช้งานยาวนาน 2-3 ปี คงสภาพฟันและการสบฟันได้ดี ปรับแต่งแก้ไขได้ง่าย สามารถเลือกสีสันได้ บางคนอาจจะชอบ
ข้อเสีย ขนาดค่อนข้างใหญ่ เทอะทะ รบกวนการพูดการออกเสียงในช่วงแรก ยิ้มแล้วยังเห็นลวด
-
รีเทนเนอร์แบบใส
รีเทนเนอร์แบบใส
ใช้แพร่หลายเช่นเดียวกัน ลักษณะเป็นแผ่นพลาสติกใส ล้อมฟันโดยรอบทั้งด้านนอกและด้านใน แต่ไม่มีส่วนของเพดาน มีความหนาประมาณ 0.75-1.5 มิลลิเมตร
ข้อดี ไม่รบกวนการออกเสียง ยิ้มแล้วไม่เห็นเหล็ก ขนาดเล็กเทอะทะน้อยกว่าแบบลวด
ข้อเสีย ทำความสะอาดยากกว่าแบบลวด อายุการใช้งานสั้นประมาณ 0.5-1.5 ปี น้ำลายอาจจะขังในรีเทนเนอร์ซึ่งบางคนไม่ชอบ สึกหรอได้ง่ายในคนไข้ที่สบลึกหรือนอนกัดฟัน ทำให้คงสงภาพฟันได้ไม่ดีเมื่อเริ่มสึกหรอ
รีเทนเนอร์แบบลวด vs รีเทนเนอร์แบบใส
จากข้อดีข้อเสียข้างต้น จะพบว่าโดยรวมรีเทนเนอร์แบบลวดจะดีกว่าแบบใสเกือบทุกด้าน เอาเป็นสรุปหลักการง่ายๆเลยละกันนะครับ ว่าเลือกแบบไหนดี
** ถ้าไม่ซีเรียสว่าเวลายิ้มแล้วจะเห็นลวดของรีเทนเนอร์ ให้เลือกแบบลวด มีคุณสมบัติอื่นๆดีกว่าเกือบทุกประการ อาจจะมีพูดไม่ชัดบ้าง รำคาญบ้างช่วงแรก แต่อาการเหล่านี้ปกติจะหายไปใน 2 สัปดาห์
ถ้าไม่อยากให้เห็นลวดเวลาพูดเวลายิ้ม อาจจะเนื่องจากความมั่นใจส่วนตัว หรือหน้าที่การงาน สามารถเลือกแบบใสได้ หลังจากใช้งานไประยะหนึ่งจนเสื่อมสภาพ ประมาณ 1 ปี เนื่องจากคนไข้จะต้องใส่รีเทนเนอร์ตลอด 24 ชั่วโมงในช่วง 6-12 เดือนแรก รีเทนเนอร์ที่ทำใหม่อาจจะทำแบบลวดแล้วใส่กลางคืนอย่างเดียวก็ได้
**
ยังมีรีเทนเนอร์อีกแบบที่รวมเอาข้อดีของแบบลวดและแบบใสเข้าด้วยกัน มีชื่อว่า Clear bow retainer ดูแลง่ายและอายุการใช้งานนานเหมือนแบบลวด และยิ้มไม่เห็นลวดเหมือนแบบใส
ส่วนตัวหมอเองก็ยังไม่เคยใช้เหมือนกัน และไม่แน่ใจว่ามีที่ไหนทำบ้าง แต่ดูจากลักษณะแล้วถือเป็นรีเทนเนอร์ที่ดีทีเดียว อาจจะปรับแต่งยากซักหน่อยเพราะส่วนของรีเทนเนอร์ที่คลุมฟันด้านหน้าเป็นอะคริลิกใสแบบพิเศษที่มีความยืดหยุ่นต่างจากลวดที่สามารถดัดได้ แต่ถ้าคุณหมอเสนอแบบนี้ให้ก็ถือว่าน่าสนใจเหมือนกันครับ
รีเทนเนอร์แบบ Clear bow
3. รีเทนเนอร์แบบติดแน่น หรือ Fixed retainer
จะมีลักษณะเป็นลวดเส้นเดียวยึดอยู่บนฟันด้านใน มักจะใช้ในกรณีที่พิจารณาแล้วว่าฟันจะเคลื่อนกลับได้ง่าย เช่น ยึดฟันหน้าบน/ล่างในกรณีที่ก่อนจัดฟัน ฟันซ้อนเกมากหรือห่างมาก
หรือใช้ยึดฟันหลังเอาไว้รอใส่ฟันปลอมในอนาคต ป้องกันฟันล้มในช่วงที่ยังไม่ได้ใส่ฟันปลอม
รีเทนเนอร์แบบนี้คนไข้ไม่สามารถขอให้คุณหมอทำให้ได้ คุณหมอจะเป็นคนพิจารณาเองว่าคนไข้เหมาะกับรีเทนเนอร์แบบนี้หรือไม่
ข้อดี ป้องกันฟันเคลื่อนได้ดีมาก ไม่ต้องถอดเข้าถอดออก
ข้อเสีย ทำความสะอาดยาก มีโอกาสหลุดได้ คนไข้จะต้องพบหมอทุก 6 เดือนเพื่อเช็กสภาพ และโดยทั่วไปก็ยังจะต้องใส่รีเทนเนอร์ถอดได้ทับอีกชั้นด้วย
คนไข้ที่ใส่รีเทนเนอร์ติดแน่นจะต้องทำความสะอาดอย่างดี ใช้ไหมขัดฟันหรือแปรงซอกฟัน ไม่อยากนั้นอาจจะเป็นฟันผุหรือโรคเหงือกได้ง่าย และจะต้องพบหมอจัดฟันต่อเนื่องทุก 6 เดือน เนื่องจากอาจจะมีจุดที่หลุดแล้วคนไข้ไม่ทราบได้ โดยทั่วไปถ้าคุณหมอพบว่าคนไข้ดูแลได้ดี ไม่มีปัญหาอื่นๆ อาจจะให้ใส่ไปเรื่อยๆ ถ้าพบปัญหาเรื่องแตกหักเสียหาย ฟันผุ อาจจะถอดหลังจากติดไปได้ 1-2 ปี ซึ่งจะเป็นช่วงที่ฟันเคลื่อนที่ได้ยากแล้ว แล้วใส่รีเทนเนอร์แบบถอดได้ต่อ
4. รีเทนเนอร์แบบเหล็ก (ใส่เคี้ยวอาหารได้)
รีแบบนี้พึ่งจะเริ่มทำกันในช่วงหลังๆ มีการโฆษณาข้อดีว่าสามารถใส่เคี้ยวอาหารได้ ไม่ต้องถอดออก ไม่ต้องกลัวลืมไว้เวลาถอดทานอาหาร แข็งแรง โยนลงบนพื้นก็ไม่เป็นไร
แต่โดยหลักการแล้ว รีเทนเนอร์แบบเหล็กนี้ ถือว่าผิดหลักการหน้าที่ของรีเทนเนอร์อยู่หลายด้านเลยทีเดียว ได้แก่
- รีเทนเนอร์ที่ดี เวลากัดฟันบนและฟันล่างลงมาประกบกันสุดแล้ว ไม่ควรกัดชนลวด หรือชนน้อยที่สุด (ในบางกรณีก็จำเป็นต้องชนถ้าการสบฟันดีมากๆไม่มีช่องว่างให้ลวดพาด หรือฟันเตี้ยๆ อาจจะกัดชนได้เช่นกัน) แต่ถึงจะชนเล็กน้อยก็ถือว่าไม่มีปัญหาเนื่องจากเราไม่ได้ใส่เคี้ยวอาหาร ทีนี้ถ้าใส่รีเทนเนอร์แบบเหล็กเคี้ยวอาหารลองคิดดูสิครับว่าจะเป็นยังไง เคี้ยวอาหารทั้งๆที่เคี้ยวแล้วชนแต่รีเทนเนอร์ เคี้ยวอาหารก็ไม่ละเอียด เคี้ยวไปนานๆเหล็กที่ค้ำฟันอยู่กระแทกจนฟันซี่นั้นเจ็บแน่นอน
- หรือบางทีก็อาจจะทำให้ไม่ค้ำก็ได้ โดยการกรอผิวฟันออกเป็นแอ่งให้มีลวดพาดได้ ซึ่งเป็นหลักการเดียวกับการทำฟันปลอมถอดได้แบบเหล็ก แต่ฟันปลอมจะกรอน้อยกว่า เพราะฟันปลอมจะออกแบบให้เกาะฟันเท่าที่จำเป็น
แต่รีเทนเนอร์ไม่ใช่ รีเทนเนอร์ต้องแตะฟันทุกซี่ เพราะเราต้องการกันไม่ให้ฟันเคลื่อน และการกรอฟันในกรณีฟันปลอมถือว่าสมเหตุสมผล เนื่องจากกรอเพียงเล็กน้อย แล้วใส่ฟันปลอมหลายซี่ทนแทนฟันที่หายไปได้
การที่จะต้องมากรอเนื้อฟันธรรมชาติโดยไม่จำเป็นถือเป็นเรื่องที่รับไม่ได้ โดยเหตุผลเพียงแค่ว่าจะได้ใส่รีเทนเนอร์เอาไว้เวลาเคี้ยวอาหาร??? ทั้งๆที่รีเทนเนอร์ธรรมดาก็ทำหน้าที่ได้ดีเท่าๆก้น โดยที่ไม่ต้องกรอเนื้อฟัน เพียงแค่ว่าต้องถอดเวลาเคี้ยวอาหาร - ถึงคุณจะใส่เคี้ยวอาหารได้โดยไม่มีปัญหา (สมมติว่าบังเอิญลักษณะฟันของคนไข้สามารถใส่แบบเหล็กได้โดยไม่ต้องกรอฟันเลย แล้วก็กัดไม่ชนรีเทนเนอร์ด้วย) แต่เมื่อคุณทานอาหารเสร็จ คุณก็จะต้องถอดล้างอยู่ดี ไม่ควรจะปล่อยให้เศษอาหารติดหมักหมมอยู่อย่างนั้น และผมเชื่อว่าเศษอาหารติดฟันมากกว่ายิ่งกว่าตอนใส่เหล็กจัดฟันซะอีก
เทียบกับการถอดก่อนทานอาหาร แล้วเก็บไว้ใส่กล่อง ไม่น่าจะลำบากอะไรขนาดนั้น แล้วผมก็ไม่คิดว่าการใส่รีเทนเนอร์ทานอาหารจะรู้สึกดีนะ กินแบบฟันโล่งๆน่าจะดีกว่า - รีเทนเนอร์ที่ดีไม่จำเป็นต้องจับฟันไว้แน่นมากอะไรขนาดนั้น ควรจะต้องมีการยอมให้ฟันเคลื่อนที่ได้เล็กน้อยตามธรรมชาติ (Physiologic tooth mobility) ซึ่งจะส่งเสริมให้ฟันยึดกับกระดูกได้ดี ซึ่งรีเทนเนอร์แบบเหล็ก วัสดุที่ใช้มันแข็งเกินไป โอกาสที่ตัวรีเทนเนอร์เองจะไปทำร้ายฟันสูงกว่าที่จะคงสภาพฟัน อีกทั้งปรับแต่งแทบจะไม่ได้ ผิดกับรีเทนเนอร์แบบลวดธรรมดาที่ปรับแต่งได้ยืดหยุ่นพอสมควร
แถม รีเทนเนอร์แบบประหลาดๆ Thailand Only (ไม่ควรทำทุกกรณี)
รีไร้เหงือก
ดูแล้วทำมาไว้สำหรับคนอยากติดเหล็กจัดฟัน แต่ไม่ต้องติดแบร็คเก็ตบนฟันจริงๆ ดูแล้วน่าจะรำคาญน่าดูเพราะตัวแบร็คเก็ตคงจะเลื่อนไปเลื่อนมาตลอดเวลา คนใส่ต้องมานั่งจัดให้ตรงฟัน แล้วก็ไม่น่าจะเกาะฟันอยู่ เพราะลวดยาวขนาดนี้ไม่มีโครงรับ(เหงือก) แทบจะไม่มีแรงมาเกาะฟันได้
รีเทนเนอร์แบบแบร็คเก็ต จัดฟันแฟชั่นถอดได้
ปกติลวดด้านหน้าเราจะออกแบบให้เรียบที่สุดเพื่อไม่ให้ลวดไปข่วนปากหรือข่วนแก้ม แต่นี่เล่นเอาแบร็คเก็ตที่มุมไว้เกี่ยวยาง มีความไม่เรียบ ไว้ข่วนปากเล่นๆ หมอไม่เข้าใจเหมือนกันว่าจะตอนจัดฟันยังรำคาญกันไม่พอหรือยังไง พอใส่รีเทนเนอร์จะก็ยังเอาแบร็คเก็ตมาข่วนปากเล่นต่อ แล้วพอมันใส่ยางสีได้ ก็ต้องเปลี่ยนทุกเดือนอีก ไม่งั้นยางก็เน่า ถ้าแกะเอายางสีออก แบร็คเก็ตจะยิ่งข่วนปากหนักเข้าไปอีก
รีเทนเนอร์ท่อสีติดกาว
หมอไม่ได้ตั้งชื่อเองนะครับ เอาจากเนตเหมือนกัน
……………….เอาเป็นว่าอย่าทำเลยละกันครับ
สรุป
เลือกรีเทนเนอร์แบบลวด ถ้าคุณโอเคกับการยิ้มแล้วเห็นลวด
เลือกรีเทนเนอร์แบบใส ถ้าคุณไม่โอเคกับการยิ้มแล้วเห็นลวด พอครบปีแล้วอาจจะทำแบบลวดแล้วใส่นอน
คุณสมบัติโดยทั่วไปแบบลวดจะดีที่สุดทั้งความง่ายในการทำความสะอาด การคงสภาพฟัน
รีเทนเนอร์แบบติดแน่น ไม่ต้องเลือก ถ้าจำเป็น หมอจะเลือกให้เอง
รีเทนเนอร์แบบเหล็ก ไม่ควรเลือกด้วยประการทั้งปวง
ใครมีคำถามอะไรเกี่ยวกับรีเทนเนอร์ โพสต์ถามไว้ข้างล่างได้เลยจ้า แล้วจะรีบมาตอบครับ
แชร์บทความนี้ให้เพื่อนของคุณได้อ่าน